แค่ขยับเท่ากับลั่น เคลื่อนไหวหน่อยก็ปวดแปล๊บ หรือคุณกำลังมี “ภาวะข้อเข่าเสื่อม”…

แค่ขยับเท่ากับลั่น เคลื่อนไหวหน่อยก็ปวดแปล๊บ
หรือคุณกำลังมี “ภาวะข้อเข่าเสื่อม”?

“ข้อเข่า” มีหน้าที่ในการรับน้ำหนักตัวของเราโดยตรง ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ ข้อเข่านี่เองที่เป็นตัวรับแรงกระแทกจากการกระทำต่างๆ ของเรา ซึ่งบางครั้งการทำกิจกรรมต่างๆ ของเราล้วนส่งผลกระทบต่อข้อเข่าได้ เช่น การนั่งพับเพียบ นั่งสมาธิ นั่งยองๆ การเล่นกีฬา การออกกำลังกาย การหกล้ม การทำงานที่ต้องใช้แรงข้อเข่า ซึ่งอาจทำให้ข้อเข่าได้รับความเสียหายจนอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้

ทำความรู้จัก “ข้อเข่าเสื่อม”
โรคข้อเข่าเสื่อมเป็นภาวะการสึกหรอของข้อต่อทำให้เกิดการสูญเสียกระดูกอ่อน ซึ่งกระดูกอ่อนเป็นเนื้อเยื่อที่แข็งแรงแต่ยืดหยุ่นได้ โดยจะรองรับที่ปลายกระดูกในข้อ หากกระดูกอ่อนสลายตัวทำให้กระดูกภายในข้อต่อเสียดสีกัน ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวด อาการตึง และอาการอื่นๆ ตามมาในข้อได้ โดยข้อเข่าเสื่อมสามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย ไม่ใช่แค่ผู้สูงวัยเพียงเท่านั้น ในคนที่อายุน้อยก็เกิดขึ้นได้อาจเนื่องมาจากการทำกิจกรรมที่ทำร้ายข้อเข่าอย่างต่อเนื่องหรือข้อเข่าได้รับความรุนแรงมาก็ทำให้ข้อเข่าเสื่อมได้เช่นกัน
.

อาการแบบไหนถึงเป็น “ข้อเข่าเสื่อม” ?
🍃ปวดแปล๊บๆ บริเวณข้อ โดยเฉพาะข้อเข่าและข้อสะโพก
🍃มีเสียงลั่น ดังกรอบแกรบที่ข้อเข่าทุกครั้งที่เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนท่า
🍃มีอาการนิ้วล๊อค ข้อติดง่าย โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือหลังตื่นนอน
🍃มีอาการปวดบวมตามข้อ ข้อโก่งงอผิดรูปผิดร่าง
.
ใครบ้าง? มีความเสี่ยงเป็นข้อเข่าเสื่อม
❗อายุ เมื่อมีอายุมากขึ้นจะยิ่งมีโอกาสเป็นมากขึ้น เนื่องจากใช้งานข้อเข่าเป็นเวลานาน มักพบในคนอายุ 40 ปีขึ้นไป
❗เพศ เพศหญิงจะเป็นโรคเข่าเสื่อมมากกว่าเพศชาย 2 เท่า อาจเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อของร่างกาย
❗น้ำหนัก น้ำหนักตัวมีความสัมพันธ์อย่างมากกับข้อเข่าเสื่อม ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก มีโอกาสข้อเข่าเสื่อมได้มากกว่า ขณะเดียวกันเซลล์ไขมันที่มากเกินไปจะมีผลต่อเซลล์กระดูกอ่อนและเซลล์กระดูกส่งผลให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น
❗พฤติกรรม โดยการใช้งาน ท่าทาง กิจกรรมที่มีแรงกดต่อข้อเข่ามากเกินไป เช่น การนั่งยอง การนั่งคุกเข่า การนั่งขัดสมาธิ การนั่งพับเพียบเป็นเวลานาน การขึ้นลงบันไดบ่อย ๆ เป็นต้น
❗เล่นกีฬาที่มีการปะทะ ส่วนมากมักเกิดการปะทะบริเวณหัวเข่า ทำให้หัวเข่าบาดเจ็บ เป็นเหตุให้ข้อเข่าเสื่อมเร็วขึ้น
❗ออกกำลังกายที่ใช้งานเข่าหรือมีแรงกระแทกมากจนเกินไป เช่น กระโดดเชือก บาสเกตบอล เป็นต้น ทางที่ดีควรออกกำลังกายที่มีการกระแทกน้อยๆ เพื่อถนอมการใช้งานข้อเข่า ควรเลี่ยงการออกกำลังกายที่ต้องกระโดดจะดีที่สุด
❗อุบัติเหตุ บางคนประสบอุบัติเหตุที่เกิดจากการกระแทกที่ข้อเข่า กระดูกข้อเข่าแตก เอ็นฉีก
เกิดจากโรคข้ออักเสบชนิดอื่นๆ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเกาต์ เป็นต้น
.
ป้องกันและรักษาข้อเข่าเสื่อมอย่างไรดี?
บางคนละเลยที่จะดูแลรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม เพราะคิดว่าเป็นโรคที่เกิดจากอายุที่เพิ่มขึ้น เพียงแค่กินยาเพื่อลดอาการปวดบวมก็เพียงพอแล้ว แต่เป็นความเชื่อที่ผิด เพราะโรคข้อเข่าเสื่อมไม่ได้กินแค่ยาแก้ปวดแล้วจะดีขึ้นไปได้ตลอด แต่เราต้องเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อให้ไม่เสื่อมสภาพไป บางคนอาจนึกถึงการกินแคลเซียมแต่การได้รับแคลเซียมเพียงอย่างเดียวก็อาจยังไม่เพียงพอ เพราะกระดูกอ่อนมีความยืดหยุ่นสารอาหารที่ควรได้รับอีกอย่างหนึ่งก็คือ คอลลาเจน เพราะคอลลาเจนจะทำหน้าที่เป็นเหมือนเสาหลักเพื่อให้แคลเซียมได้เกาะติด เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความหนาแน่นให้กับมวลกระดูก และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระดูก ข้อกระดูก กระดูกอ่อน หลอดเลือด และผิวหนัง
.
ทำความรู้จัก “คอลลาเจน”

คอลลาเจนมีอยู่ 3 ประเภท คือ ไทป์ 1 , ไทป์ 2 , ไทป์ 3
คอลลาเจน ไทป์ 1 , ไทป์ 3 เป็นคอลลาเจนที่ดูแลเรื่องของผิวพรรณ โครงสร้างของคอลลาเจนจะมีความนุ่ม แต่จะไม่มีแร่ธาตุต่างๆ ไปจับไปเกาะ
คอลลาเจน ไทป์ 2 เป็นคอลลาเจนที่ดูแลเรื่องของกระดูกและข้อ โครงสร้างของคอลลาเจนจะมีความแข็ง แล้วมีแร่ธาตุต่างๆ เข้าไปเกาะไปจับ

ทำไมต้องดูแลข้อเข่าด้วยคอลลาเจนไทป์ 2 ?
คอลลาเจนไทป์ 2 ดูแลเรื่องกระดูกและข้อต่อ เป็นคอลลาเจนที่มีคนทานจำนวนมาก แล้วมีความซับซ้อนในการเลือกทานมากกว่า ปกติถ้าต้องการดูแลเรื่องกระดูกและข้อเราต้องการคอลลาเจนไทป์ 2 ซึ่งในตัวคอลลาเจนไทป์ 2 จะมีจะมีสารที่ Active หลักในคอลลาเจน 2 ชนิดด้วยกัน คือ

1. UC-ll (Undenatured Collagen Type ll) ซึ่งเป็น Native Collagen เป็นคอลลาเจนที่ไม่ถูกทำลายโครงสร้าง มีองค์ประกอบของโครงสร้างคอลลาเจนที่ครบสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับ Collagen Type ll ที่มีในร่างกาย โดยเราต้องการคอลลาเจนนี้ประมาณ 40 mg/วัน ซึ่งคอลลาเจนโครงสร้างนี้เมื่อเวลากินเข้าไปจะไปทำปฏิกิริยากับภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยจะกระตุ้นผ่านตั้งแต่ลำไส้ เช่น ในคนที่มีข้อเข่าเสื่อม พบว่า เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของเราไปทำลายผิวข้อ เพราะฉะนั้น UC-ll จะไปทำงานกับระบบภูมิคุ้มกันทำให้ภูมิคุ้มกันของเราไม่ไปทำลายผิวข้อ ผิวข้อก็จะไม่เกิดการอักเสบ จะสามารถลดการปวดของข้อต่างๆ ได้

2. HACP (High Advance Collagen Tripeptide) กลุ่มนี้ตัวน้ำหนักโมเลกุลของคอลลาเจนจะมีขนาดเล็กมาก มีขนาดเล็กเพียง 140 นาโนเมตร จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีกว่าคอลลาเจนทั่วไปได้มากขึ้น เพราะฉะนั้นการใช้คอลลาเจน HACP จึงใช้ในปริมาณน้อยๆ ได้ ใช้ประมาณ 500 mg/วัน ก็จะสามารถดูดซึมและเข้าไปซ่อมแซมผิวข้อได้แล้ว โดยในงานวิจัยบอกว่า HACP ช่วยเพิ่มการสร้างไฮยาลูโรนิคในข้อได้ ลดอาการปวดบริเวณข้อ และลดเสียงดังกร๊อบแกร๊บในข้อลงได้ด้วย
เลือก UC-ll (Undenatured Collagen Type ll) อย่างมั่นใจ
ในคนที่ต้องการดูแลและป้องกันข้อเข่าเสื่อม หรือมีอาการเสื่อมของข้อเข่า ควรเลือกทานคอลลาเจนที่มีฉลากหรือสัญลักษณ์ รายละเอียดที่มีส่วนประกอบของ UC-ll (Undenatured Collagen Type ll) มั่นใจได้ว่าเป็นคอลลาเจนที่ไม่ถูกทำลายโครงสร้างและมีองค์ประกอบของโครงสร้างคอลลาเจนที่สมบูรณ์ ช่วยลดภาวะเสื่อมของข้อและเสริมกระบวนการสร้างกระดูกอ่อนบริเวณข้อต่อต่างๆ ช่วยชะลอการสลายของมวลกระดูก และยังช่วยซ่อมแซมผิวข้ออีกด้วย

การดูแลสุขภาพของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องใส่ใจ เพราะสุขภาพจะโดนทำลายลงในทุกวันตามอายุและกิจกรรมต่างๆ ที่ได้ทำ โดยเราควรเริ่มดูแลร่างกายของเรานับตั้งแต่ตอนนี้ เพราะอวัยวะของร่างกายเราไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนจึงควรดูแลสุขภาพของเราให้ดีเพื่อจะได้ห่างไกลหมอ จะได้ใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการ และจะได้ไม่ฝากชีวิตไว้กับหมอนะคะ : )
.
.
✅Line@ของคลีนิค https://lin.ee/piE9kvf
💬 Inbox: m.me/drcanthelp
หรือ
✅ Line Shopping : https://lin.ee/tpmtgGI
✅ ร้านค้า Shopee: https://shp.ee/nm86kr9
——————————-
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
📌 เพจ : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 Youtube : https://youtube.com/c/อย่าฝากชีวิตไว้…
📌 IG : dr.cant.help

ติดต่อเรา