10 ประโยชน์ของ “น้ำแร่”
“น้ำแร่” มีประโยชน์อย่างไร ?
น้ำแร่ คือน้ำมาที่จากแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่อยู่ใต้ดิน อันประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย แต่สารอาหารจะมาก หรือ น้อย ขึ้นอยู่กับแหล่งต้นน้ำนั้นๆซึ่งน้ำแร่จะมีแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายต้องการมากกว่าน้ำดื่มธรรมดาทั้วไป นอกจากนี้ ในน้ำแร่ยังมีแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ธาตุเหล็ก, แคลเซียม และ แมกนีเซียม สำหรับเรื่องคุณประโยชน์อื่นๆ ทั้งน้ำแร่ และ น้ำดื่มธรรมดา ต่างมีสิ่งที่เป็นประโยชน์ ที่ร่างกายต้องการเหมือนกัน คือ ต้องการน้ำเพื่อขับเหงื่อออกจากร่างกาย รวมถึง ขับของเสียออกจากร่างกาย เพื่อการไหลเวียนของโลหิต แต่ในส่วนอื่นๆ น้ำแร่อาจมีประโยชน์มากกว่า และ เป็นที่ต้องการของร่ายกายมากกว่าน้ำดื่มธรรมดา
ช่วยลดน้ำหนักได้
น้ำแร่ เป็นน้ำที่ไม่มีแคลอรี่ และ ไขมัน จึงสามารถช่วยลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ซึ่งถ้าหากเลือกดื่มน้ำแร่ แทนน้ำอัดลมที่มีน้ำตาล และ แคลอรี่สูง ก็จะทำให้คุณมีหุ่นสวยเพียว อีกทั้ง มาพร้อมกับสุขภาพที่ดี ไม่เสียงต่อการเกิดโรคร้ายอีกด้วย
ทำให้กระดูกแข็งแรง
ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน มักเจอกับปัญหาเกี่ยวกับกระดูก โดยจะมีอาการปวดขา และ ปวดเข่า เนื่องจากกระดูกเริ่มเสื่อมสภาพ แต่ถ้าหากได้ดื่มน้ำแร่เป็นประจำ เพียงวัน 1 ขวด ต่อวัน ก็จะช่วยให้กระดูกแข็งแรง และ มีสุขภาพที่ดีได้ ซึ่งในน้ำแร่มีแคลเซียม โซเดียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม จึงเป็นตัวช่วยสำคัญในการรักษาความหนาแน่นของกระดูก อีกทั้ง ช่วยชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุนอีกด้วย
ช่วยลดความดันโลหิต
เคยมีการค้นพบว่า ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำแน่วันละ 1 ลิตร อย่างต่อเนื่อง เมื่อผ่านไปสักระยะ ความดันโลหิตของผู้ป่วยลดลง เนื่องจาก ในน้ำแร่มีแมกนีเซียม ที่สามารถช่วยรักษาความดันของโลหิตให้อยู่ในภาวะที่เป็นปกติ
ช่วยลดคววามเสี่ยงโรคหัวใจ
สำหรับคนที่ดื่มน้ำแร่เป็นประจำทุกวัน ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ เนื่องจากมีการลดระดับของคอเลสเตอรอลได้ดี ที่สำคัญ มีการค้นพบว่า ในน้ำแร่มี โพแทสเซียม และ แมกนีเซียม ที่ช่วยในเรื่องการทำงานของหัวใจให้อยู่ในภาวะที่ปกติ
ช่วยย่อยอาหารได้
เนื่องจากในน้ำแร่ มีแร่ซัลเฟต (sulfates) ที่สามารถช่วยในระบบย่อยอาหาร โดยซัลเฟตจะไปกระตุ้นตับอ่อนใหหลั่งเอนไซม์ อะมัยเลส (amylases) , โปรตีเอส (proteases) และ ไลเปส (lipases) เพื่อช่วยให้การย่อยอาหารมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งถ้าหากระดับซัลเฟสต่ำ จะมีผลทำให้เกิดระบบทางเดินอาหารไม่ดี มีอาการท้องอืด ท้องผูก และ เกิดอาการท้องเสีย
รักษาการทำงานของกล้ามเนื้อ
แมกนีเซียมที่อยู่ในน้ำแร่ มีความสำคัญในการทำงานของกล้ามเนื้ออย่างมาก เนื่อจาก แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่ากาย ซึ่งมีส่วนช่วยในการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ และ ช่วยลดอาการปวดเมื่อย รวมถึง อาหารปวดกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี
ช่วยรักษาความสมดุลของอิเล็กโทรไลต์
เนื่องจากน้ำแร่ เป็นแหล่งร่วมของอิเล็กโทรไลต์ ซึ่งเป็นตัวช่วยป้องกันการขาดน้ำ รวมถึง ช่วยให้เซลล์ในร่ายกาย สามารถดูดซับน้ำได้ดี เพราะฉะนั้น คนที่ดื่มน้ำแร่เป็นประจำ จะช่วยเติมเต็มมการสูญเสียอิเล็กโทรไลของตัวเองได้
ลดความเสี่ยงการเป็นไตหิน
ปัญหาของไต มักเกิดจากแคลเซียมออกซาเลต ที่ทำให้เป็นนิ่วในไต ซึ่งถ้าได้ดื่มน้ำแร่เป็นประจำ ในปริมาณที่เพียงพอ แคลเซียม และ แมกนีเซียม ที่อยู่ในน้ำแร่ จะช่วยลดความเข้มข้นของของแคลเซียมออกซาเลตได้ ซึ่งทำให้ห่างไกลต่อการเป็นโรคนิ่วในไต
ตัวช่วยในการบำรุงผิว
ในน้ำแร่มีปริมาณของซิลิกาสูง จึงทำให้ช่วยชะลอการการริ้วรอย และ ทำให้ผิวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ การใช้น้ำแร่ทำความสะอาดผิวหน้า ก็ส่งผลให้มีผิวหน้าที่สวยใสอย่างเป็นธรรมชาติ และ มีผิวที่ดูสุขภาพดีอย่างไร้ที่ติ
นอกจากคุณประโยชน์นานับประการของน้ำแร่แล้ว ค่า PH ของน้ำดื่ม ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ และ ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เนื่องจากมีความสมพันธ์ต่อการไหลเวียนของเหลวในร่างกาย โดยเฉพาะการไหลเวียนของเลือด ซึ่งถ้าหากได้รับน้ำดื่มที่มี ค่า PH ต่ำ หรือ สูงจนเกินไป อาจส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บตามมาในภายหลัง
ค่า pH 7.4-8.5 คือ สิ่งที่เหมาะสมกับร่างกาย
เมื่อรับประทานอาหารที่เป็นกรดมาก การดื่มน้ำที่มีค่า PH ที่เป็นด่างน้อย จะช่วยปรับสมดุความเป็นกรด-ด่างในเลือด สำหรับค่า pH ของน้ำดื่มที่เหมาะสมอยู่ที่ 7.4-8.5 โดยส่วนมากค่า PH ที่เหมาะสม จะอยู่ในน้ำแร่ เพราะเป็นน้ำที่มาจากธรรมชาติ และ มีความเป็นด่างค่อยข้างสูง เมื่อเทียบกับน้ำธรรมกดาพบว่ามีความเป็นด่างน้อยมาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่ คนเรามักดื่มน้ำกรองที่ใช้กันอยู่ทั่วไป โดยไม่มีแร่ธาตุใดๆ ผสมอยู่ทั้งสิ้น จะมีก็แต่ความเป็นกรดอ่อนๆ และ ถ้าดื่มเป็นประจำทุกวัน ส่งผลให้เกิดอาการท้องอืด อีกทั้ง ทำให้อาหารย่อยยาก
สรุปได้ว่า น้ำแร่เป็นน้ำที่มีประโยชน์ต่อร่ายกาย มากกว่าน้ำชนิดอื่นๆ ซึ่งถ้าหากดื่มน้ำแร่ในปริมาณมาก จะช่วยบรรเทาอาการของโรคเรื้อรังได้หลายโรคทีเดียว
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://storylog.co/story/5a6bd20fe094f57c642992b2
——————————-
ติดตามความรู้เรื่องสุขภาพ และวิธีการดูแลสุขภาพได้ที่
📌 เพจ : อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 Youtube : https://youtube.com/c/อย่าฝากชีวิตไว้กับหมอ
📌 IG : dr.cant.help
