4 สัญญาณเตือนว่า ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายกำลังผิดปกติ สังเกตไหมคะ ว่าทำไมบางคน…

4 สัญญาณเตือนว่า ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายกำลังผิดปกติ

สังเกตไหมคะ ว่าทำไมบางคนสุขภาพแข็งแรงนานๆ ถึงจะป่วยสักครั้ง ในขณะที่บางคนกลับป่วยง่ายกว่ามาก นั่นเป็นเพราะ “ระบบภูมิคุ้มกัน” (Immune System) ของแต่ละคนนั้นมีความแข็งแรงแตกต่างกันนั่นเองค่ะ
.
โดยระบบภูมิคุ้มกันนั้นเสมือนเป็นปราการด่านแรกในการต้านทานโรคภัยไข้เจ็บและเชื้อโรคต่างๆ ไม่ให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อ หรือหากหลุดลอดเข้ามาได้ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะพยายามกำจัดสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้นออกไปให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุด
.
แต่ถึงกระนั้น ไลฟ์สไตล์ที่ไม่ดีของคนเราหลายๆ อย่างก็อาจทำลายภูมิคุ้มกันได้ เช่น การพักผ่อนน้อย การขาดการออกกำลังกาย ความเครียดสะสม หรือการทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รวมไปถึงการทานผักและผลไม้น้อยกว่าที่ควร ทำให้ร่างกายขาดแร่ธาตุและวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
.
โดยวันนี้เราจะชวนทุกคนมาลองจับสังเกต 4 อาการที่อาจเกิดขึ้นได้หากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายกำลังผิดปกติ โดยในเบื้องต้นนั้นอาการอาจดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่หากปล่อยเอาไว้ก็อาจเป็นสัญญาณของโรคร้ายต่างๆ ที่จะตามมาจากระบบภูมิคุ้มกันที่ทำงานผิดปกติได้
.
1. มีการอักเสบของข้อต่อ ข้อมือและข้อนิ้วมือ
มีอาการปวด บวม แดง ร้อน และกดเจ็บบริเวณข้อ โดยมากจะเริ่มต้นที่ข้อมือและข้อนิ้วมือก่อน ต่อมาอาจลามไปยังข้ออื่นๆ ทั่วร่างกาย เช่น ข้อศอก ข้อไหล่ ข้อนิ้วเท้า ข้อเท้า และข้อเข่า บางรายอาจมีอาการเริ่มแรกเป็นอาการฝืดตึงตามข้อโดยเฉพาะหลังตื่นนอนในตอนเช้า หรือในบางรายอาจเกิดข้อผิดรูปร่างได้
.
นั่นอาจเป็นสัญญาณโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน หากปล่อยไว้นานอาจเกิดเป็นโรคภูมิต้านตนเอง (Autoimmune Disease) หรือโรคพุ่มพวง ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ จนข้อต่อถูกทําลายและพิการได้ในที่สุด
.
2. ผิวหนังอักเสบ ผื่นแดงหนา มีขุยสีขาวเหมือนรังแค
หากผิวมีผื่นสีแดงกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเป็นผื่นหนาและมีขุยสีขาวคล้ายรังแคติดที่ผิว โดยมักเริ่มต้นที่ศีรษะก่อนจะกระจายไปยังส่วนอื่น ตำแหน่งที่พบได้บ่อยๆ คือ บริเวณศอกและเข่าหรือตำแหน่งที่มีการเกาหรือเสียดสีบ่อยๆ และมีอาการคันร่วมด้วย
.
นั่นอาจเป็นสัญญาณโรคสะเก็ดเงิน (Psoriasis) ซึ่งเกิดจากการทำงานของเม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้นผิดปกติ ทำให้ผิวหนังแบ่งตัวเร็วขึ้น โรคนี้ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็ไม่ใช่โรคติดต่อที่อันตรายแต่อย่างใด
.
3. ปวดหลังช่วงล่างและสะโพกเรื้อรัง
หากคุณมีอาการปวดหลังหรือหลังตึงขัดมาต่อเนื่องยาวนาน 3 เดือนขึ้นไป โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน และหลังตื่นนอนตอนเช้านานประมาณ 15-30 นาที มีอาการปวดหลังเมื่อหยุดเคลื่อนไหวนานๆ บางครั้งมีอาการปวดข้อเข่า ข้อเท้า แก้มก้น และข้อสะโพกร่วมด้วย นอกจากนี้ยังมีอาการอื่น ๆ เช่น ตาแดง ปวดตา แผลที่ปาก ผื่นผิวหนัง เหนื่อยง่าย เบื่ออาหาร
.
นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคข้อสันหลังอักเสบติดยึด (Ankylosing spondylitis-AS) ซึ่งเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติในการแยกแยะเนื้อเยื่อของร่างกายกับสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของข้อสันหลัง เมื่อร่างกายพยายามซ่อมแซมส่วนที่อักเสบโดยสร้างพังผืดและนำแคลเซียมมาเกาะเยื่อหุ้มกระดูกและข้อสันหลังที่อักเสบ จนทำให้บริเวณหลังเกิดการยึดติดและแข็งขึ้น
.
4. มีอาการปวดท้อง ท้องร่วง ถ่ายมีเลือดและมูกปน
หากคุณมีอาการปวดท้อง ท้องร่วงอย่างรุนแรง เนื่องจากลำไส้บีบตัวเร็วขึ้น รวมถึงเกิดแผลและมีเลือดออกบริเวณระบบทางเดินอาหาร ผู้ป่วยมักมีอาการอ่อนเพลีย และน้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และอาจมีอาการอื่นร่วม เช่น ปวดตามข้อ การมองเห็นผิดปกติ มีแผลในปาก โดยอาการเหล่านี้มักเป็นๆ หายๆ เรื้อรังเป็นปี และกลับมาเป็นซ้ำอีก
.
นั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ (Inflammatory Bowel Disease: IBD) ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก ๆ คือ โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (Ulcerative Colitis) ที่อาการจะจำกัดอยู่เพียงบริเวณลำไส้ใหญ่ และโรคโครห์น (Crohn’s disease) ที่อาการอาจเกิดกับระบบทางเดินอาหารส่วนใดก็ได้
.
ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรค IBD แต่อาจเกิดจากปัจจัยทางระบบภูมิคุ้มกันที่มีการตอบสนองมากผิดปกติ จนไปทำลายเนื้อเยื่อของทางเดินอาหาร จนเกิดการอักเสบเรื้อรังในที่สุด
.
จะเห็นได้ว่าโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันนั้นมีความหลากหลาย และในบางอาการ เช่น ปวดหลัง หรือปวดท้องเรื้อรัง ก็อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดหรือวินิจฉัยคลาดเคลื่อนว่ามาจากอาการอื่นๆ ได้ เช่น ท้องเสีย หรือ ออฟฟิศซินโดรม หากใครลองประเมินตัวเองเบื้องต้นดูแล้วพบว่ามีอาการคล้ายกับที่กล่าวมาก็ลองไปตรวจวินิจฉัยกับทางแพทย์ให้ละเอียดกันดูนะคะ

ติดต่อเรา