6 วิธีป้องกันสมองเสื่อมก่อนวัย
.
คนส่วนใหญ่เมื่ออายุมากขึ้นมักจะพบว่ามีความจำที่แย่ลงหลงลืม หรือมีบุคลิกภาพและอารมณ์ที่ผิดแปลกไปจากปกติ ในบางรายที่เป็นมากก็จะจัดว่าเป็นโรคขึ้นมาซึ่งเรียกว่า “โรคสมองเสื่อม”
.
โดย “โรคสมองเสื่อม” คือกลุ่มอาการที่ทำให้สติปัญญา ความคิด ความจำลดลง ส่งผลให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจกรรมหรืออาชีพที่เคยทำได้ตามเดิม และอาจมีพฤติกรรมและอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากด้วย
.
โรคสมองเสื่อมนั้นเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น โรคอัลไซเมอร์, โรคหลอดเลือดสมอง, โรคพาร์กินสัน,ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์, ขาดวิตามินบี 12, โพรงสมองคั่งน้ำ, หรือภาวะซึมเศร้า (แต่ร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยสมองเสื่อมมักมาจากโรคอัลไซเมอร์เป็นหลัก) เพื่อป้องกันไม่ให้สมองเสื่อมก่อนวัยอันควร เราจึงควร:
.
1. ควบคุมน้ำหนักอย่าให้อ้วน
ความอ้วนนำพาโรคร้ายมาสู่ร่างกายมากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต โรคมะเร็ง และยังเพิ่มความเสี่ยงโรคสมองเสื่อมอีกด้วย
.
2. กินอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยในการต้านสมองเสื่อมก่อนวัยอันควรได้ดี โดยควรรับประทานอาหารที่ช่วยในการบำรุงสมอง อย่างเช่นอาหารที่มีโอเมก้า 3 สูง เช่น ปลาทะเลน้ำลึก แหล่งโปรตีนจากธัญพืช เช่น ถั่ว และคาร์โบไฮเดรตไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง
.
3. ฝึกออกกำลังสมอง
การออกกำลังสมองเป็นวิธีการรักษาความทรงจำและช่วยเพิ่มความสามารถในการเรียนรู้ โดยมันจะช่วยกระตุ้นให้เซลล์สมองทำงานในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เช่น การคิดคำนวณเลข การอ่านหนังสือ หรือการเล่นเกมใช้สมอง เช่น หมากรุก หมากฮอส ซูโดกุ เป็นต้น
.
4. ป้องกันอันตรายต่อสมอง
เช่น งดการดื่มแอลกอฮอล์จนมึนเมา ป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุทางศีรษะหรือไม่ให้ศีรษะกระทบกระเทือนรุนแรง สวมหมวกกันน็อคเสมอขณะขับขี่จักรยานยนต์ นอนให้เพียงพอเพื่อไม่ให้เกิดอาการงัวเงียในระหว่างวัน
.
5. เข้าสังคม คุยกับผู้คนบ่อยๆ
การมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างเป็นประจำ เช่น การรวมกลุ่มออกกำลังกาย หรือร่วมกันทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ ก็จะช่วยในการกระตุ้นเซลล์สมองและผ่อนคลายความเครียด
.
6. ฝึกสมาธิเป็นประจำ
การฝึกสมาธิหรือโยคะ นอกจากจะส่งผลดีต่อร่างกายแล้ว ก็ยังช่วยให้สมองเกิดความผ่อนคลาย ช่วยลดความเครียด มีสติในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งก็จะส่งผลให้มีสุขภาพกายใจที่ดีและลดอัตราสมองเสื่อมได้
.
ภาวะสมองเสื่อมนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีการรักษาใดที่ช่วยให้รักษาแบบหายขาดหายได้ แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการระยะแรกๆ การรักษาทางการแพทย์และการใช้ยาก็จะช่วยลดและชะลออาการของผู้ป่วยลงได้ ทั้งนี้ผู้ป่วยก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ให้ความร่วมมือกับแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติอีกครั้งนะคะ
