7 เหตุผล ทำไม? ยิ่งพยายามลด กลับยิ่งอ้วนขึ้น . ทั้งที่กินน้อยและออกกำลังกายบ่อยๆ…

7 เหตุผล ทำไม? ยิ่งพยายามลด กลับยิ่งอ้วนขึ้น‼️
.
ทั้งที่กินน้อยและออกกำลังกายบ่อยๆ ทำไมน้ำหนักถึงไม่ลดนะ หน้ำซ้ำยังน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย? เราทุกคนรู้กันดีใช่ไหมคะ ว่าการออกกำลังกายและทานให้น้อยลงนั่นคือหนทางสู่การลดน้ำหนัก แต่รู้เพียงเท่านี้อาจไม่เพียงพอไป ทำให้คุณลดน้ำหนักแบบผิดๆ จนกลายเป็นเพิ่มน้ำหนักแทนได้ วันนี้เราจะพาคุณไปดูเหตุผลของความอ้วนอันเกิดจากความเข้าใจผิดเรื่องการลดน้ำหนักกันค่ะ
.
1. ทานอาหารน้อยเกินไป
เวลาลดน้ำหนัก เรามักจะคิดว่ายิ่งทานน้อยยิ่งลดน้ำหนักได้เยอะ หลายคนจึงเลือกที่จะทานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่หากคุณทานน้อยจนไม่พอกับที่ร่างกายต้องการ ผลคือร่างกายคุณจะเข้าสู่โหมดจำศีลเพื่อเอาชีวิตรอด และเผาผลาญพลังงานน้อยลง ที่สำคัญคือ ไม่มีใครสามารถทนทานอาหารน้อยๆ ไปตลอดชีวิต หากทานน้อยมากติดต่อกันหลายวัน วันที่คุณเผลอทานอาหารมากขึ้น ก็จะเกิดอาการโยโย่ น้ำหนักกลับมาอย่างรวดเร็วค่ะ
.
2. ทานโปรตีนไม่มากพอ
โปรตีน คือสารอาหารที่ร่างกายคนลดน้ำหนักควรจะทานมากที่สุดค่ะ เพียงทานโปรตีน 30% ของแคลอรี่ทั้งหมดต่อวัน จะช่วยเผาผลาญพลังงานได้ถึง 100 Kcal ช่วยให้คุณอิ่มท้องได้นาน หิวยาก และช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อที่ช่วยเบิร์นไขมันได้ด้วย สำหรับคนลดน้ำหนัก คุณควรทานโปรตีนให้ได้ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กก. นะคะ ในทางตรงข้าม หากลดปริมาณอาหารลงแล้วแต่ทานโปรตีนไม่เพียงพอ ร่างกายจะเผาผลาญได้น้อยลงและกล้ามเนื้อไม่แข็งแรงนั่นเอง
.
3. ออกกำลังกายหนักเกินไป
ต้องอย่าลืมค่ะ ว่าการออกกำลังกายคือการเพิ่มความตึงเครียดให้กล้ามเนื้อ หากคุณกดดันตัวเองจนออกกำลังหนักเกินจำเป็น ร่างกายจะรู้สึกว่ากำลังมีภัย และปรับตัวให้อยากรับพลังงานมากขึ้นมาชดเชยความเครียด คุณจะรู้สึกหิวและอยากทานน้ำตาลมากผิดปกติค่ะ เปลี่ยนจากออกกำลังหนักๆ มาเป็นออกให้พอดีแต่สม่ำเสมอ หากคุณอยากออกกำลังทุกวัน ให้ออกกำลังแบบคาร์ดิโอหรือสร้างกล้ามเนื้อ 4 วัน/สัปดาห์ ออกกำลังแบบหนักหรือ HIIT เพียง 1 วัน และอีก 2 วันเป็นวันพักกล้ามเนื้อด้วยการเล่นโยคะหรือหยุดพักไปเลยแทนค่ะ
.
4. เผลอทานน้ำตาลไม่รู้ตัว
น้ำตาลนับว่าเป็นของต้องห้ามของคนลดน้ำหนักค่ะ มีอาหารอยู่หลายอย่างที่คนเรามักจะเข้าใจผิดว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ แต่เอาเข้าจริงกลับมีปริมาณน้ำตาลอยู่มาก เช่น ผลไม้บางชนิดมีน้ำตาลเยอะกว่าข้าวสักชามเสียอีก เช่น องุ่น มะม่วงและทุเรียน ยังมีเครื่องดื่มที่อ้างว่าเป็นเครื่องเพื่อสุขภาพแต่มีน้ำตาลสูงถึง 15-20 กรัม เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำผลไม้กล่อง น้ำผลไม้ปั่นที่มักใส่น้ำเชื่อมมาด้วย และนมเปรี้ยวไขมันต่ำ วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือให้ศึกษาและการเลือกวัตถุดิบมาปรุงเองค่ะ
.
5. นอนหลับไม่เพียงพอ
พฤติกรรมการนอน คือหนึ่งในปัจจัยหลักของโรคอ้วนและเบาหวานค่ะ เพราะเมื่อคุณนอนน้อย ไม่ถึง 7 ชั่วโมง นอนดึก นอนหลับไม่สนิท ร่างกายจะเกิดความเครียดและหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมามาก ร่างกายของเราตอบสนองต่อคอร์ติซอลด้วยการทำให้เราอยากกินของหวานมากๆ อยากกินจุกจิก และกินเยอะกว่าปกติค่ะ
.
6. ร่างกายขาดน้ำ
ร่างกายคนเราต้องการน้ำอย่างน้อยวันละ 2-3 ลิตรค่ะ หากดื่มน้ำไม่พอ ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานได้น้อยลง เพราะน้ำมีส่วนช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ดีในทุกๆ ส่วน ทั้งช่วยผลิตน้ำย่อยให้เพียงพอ ช่วยในการทำงานของไต และชำระล้างสิ่งตกค้างรวมถึงไขมันเสียในร่างกายออกไป นอกจากนี้การดื่มน้ำยังช่วยให้คุณหิวน้อยลงได้ด้วยนะคะ
.
7. มองการลดน้ำหนักในแง่ลบ
การลดน้ำหนักให้สำเร็จ ไม่ใช่แค่การคุมอาหารและออกกำลังค่ะ มันต้องการทั้งความอดทน ความสม่ำเสมอและใจสู้ เพราะการลดน้ำหนักไม่ใช่งานที่จะทำสำเร็จได้ใน 1 วันหรือ 1 สัปดาห์ บางคนต้องใช้เวลาทั้งปี คุณจึงต้องหามุมมองใหม่ๆ ในเชิงบวกเพื่อสร้างกำลังใจให้ตัวทำต่อเนื่องได้ตลอดรอดฝั่ง เปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่ ว่าการลดน้ำหนักไม่ใช่ความทรมาน แต่คือการสร้างฉันคนใหม่ที่มีสุขภาพดี แทนที่จะกังวลกับตัวเลขบนตาชั่ง ลองวัดความคืบหน้าด้วยการลองเสื้อผ้าตัวโปรดที่ใส่ไม่ได้มานานแล้ว เปลี่ยนความอยากของหวานจนทรมานใจ มาเป็นความสนุกในการสร้างเมนูสุขภาพใหม่ๆ ในแบบของคุณเอง
.
ใครรู้ตัวว่าลดน้ำหนักแบบผิดๆ อยู่ รีบแก้ทันทีเลยค่ะ ไม่อย่างนั้นเวลาที่อุตส่าห์ทุ่มเทไปอาจจะเสียเปล่าได้นะ จะเห็นว่า การลดน้ำหนักที่ดี คือการค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ค่อยสร้างนิสัยใหม่อย่างคนสุขภาพดีทีละนิด ไม่ใจร้อนจนทำผิดวิธี ใครเคยพลาดแบบนี้มาแล้ว อย่าลืมมาแชร์ความสำเร็จ แล้วเป็นกำลังใจให้คนอื่นๆ กันด้วยนะคะ

ติดต่อเรา